จักระกับระบบประสาท

จักระกับระบบประสาท
Photo by Esther Verdú on Unsplash

ครูณาส่งหนังสือที่ครูแปล ชื่อ Becoming super natural มาให้ ผมได้ข้อมูลที่ตื่นตาตื่นใจหลายอย่าง หลายอย่างผมก็ยังต้องใช้เวลาค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป แต่วันนี้อยากเอาเรื่อง จักระ ทั้ง 8 จุดมาแบ่งปัน จากในหนังสือ ผมได้ลองนั่งสมาธิแบบอวยพรจักระ หลังจากฝึกเสร็จก็ได้อ่านบทที่เชื่อมโยงระหว่างจักระและระบบประสาทต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เข้าใจอีกหลายเรื่องลึกซึ้งขึ้น เลยอยากมาความเข้าใจเหล่านั้นมาจดเก็บไว้

3 จักระแรกเป็นจักระที่ช่วยให้เราอยู่รอด (survive) อาจจะถูกมองว่าเป็นจักระที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว แต่เราควรใส่หน้ากากออกซิเจนให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือผู้อื่น แอร์โฮสเตสสอนผมมา 😊

Root chakra (Muladhara)

จักระรากเป็นจักระที่อยู่ที่ปลายกระดูกสันหลังข้อล่างสุด ผมชอบเรียกว่าปลายหาง เป็นตำแหน่งที่เชื่อม กับระบบประสาท Perineum ต่อกับต่อม adrenals ที่หลั่งอะดรีนาลีน บางแหล่งข้อมูลบอกว่าจักระนี้ทำงานเกี่ยวกับความอยู่รอดปลอดภัย บางแหล่งบอกว่าเป็นต้นตอของพลังชีวิตที่ใช้สืบพันธุ์ เป็นจักระที่มีพลังงานมหาศาล

Sacral chakra (Svadhishthana)

จักระหวานอยู่ท้องน้อย ลงมาจากสะดือประมาณ 2 นิ้ว เชื่อมกับระบบประสาท Sacrum ต่อกับต่อม Gonads ที่ทำงานเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ แบะยังรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ตำแหน่งนี้ในหนังวรยุทธ์จีนเรียกว่าจุดตันเถียน (dan tian) ในการกีฬา จุดนี้คือจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย ถ้าจุดนี้อยู่เลยฐานเราไปทางไหนเราก็จะล้มไปทางนั้น เวลาเรากระโดด หรือพุ่งตัว เราระเบิดพลังออกมาจากจุดนี้แหละ จักระตำแหน่งนี้ทำงานเกี่ยวกับความสร้างสรรค์, การเสพย์สุข ระบบเพศเช่น รอบประจำเดือนและเพศสัมพันธ์

Solar plexus chakra (Manipura)

จักระเพชรแวววาว อยู่ที่ท้องช่วงบนแถว ๆ กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กนั่นเอง เป็นธาตุไฟ เพราะเป็นเตาเผาอาหาร ต่อกับตับอ่อน (Pancreas) และต่อม Adrenals จักระส่วนนี้ทำงานเกี่ยวกับเจตจำนง ความมั่นใจ อำนาจ และการเอาชนะสิ่งแวดล้อม

จักระที่ 4–8 เป็นจักระที่สัมพันธ์กับคนอื่นละ เป็นจักระที่ดูแลให้ตัวเราและชุมชนเรารุ่งเรือง (thrive) เรามาดูทีละตัวกัน

Heart chakra (Anahata)

จักระใจ อยู่ที่กลางอก ต่อกับต่อม Thymus ควบคุมการทำงานของหัวใจ ปอด growth hormone และฮอร์โมนความรัก (ออกซิโทซิน) จักระนี้ทำงานเกี่ยวกับความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ในหนังจีนบางเรื่องเรียกจุดนี้ว่าตันเถียนกลางด้วย

Throat chakra (Vishuddha)

จักระคอ ต่อกับต่อมไทรอยด์ (Thyroid) ทำงานเกี่ยวกับการสื่อสารและการพูดความจริง

Third eye (Ayna)

จักระตาที่สาม อยู่ด้านหลังหัว ตรงข้ามกับหน้าผาก ต่อกับต่อม Pineal ซึ่งหลั่งฮอร์โมนเซโรทินินที่ทำงานเกี่ยวกับความภาคภูมิใจ เมลาโทนินและสาร metabolite ซึ่งเป็นนาฬิกาชีวภาพ จักระนี้ทำงานเป็นเสาอากาศรับรู้คลื่นและข้อมูลที่อยู่เหนือภาษา เป็นรากฐานของสัญชาตญาณ และ ปัญญาญาณ

Crown chakra (Sahasrara)

จักระมงกุฎอยู่กลางกระหม่อม เชื่อมโยงกับต่อม Pituitary ทำงานเกี่ยวกับการตกผลึกความคิด ความเข้าใจ ด้านจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์

Stella gateway chakra

จักระประตูดารา อยู่เหนือหัวเราไป 16 นิ้ว ชาวอียิปต์เรียกจักระนี้ว่า Ka เป็นจักระที่ใช้เชื่อมต่อกับจักรวาล ผมเข้าใจว่าจักระนี้เป็นจุดที่เราใช้เมื่อเชื่อมโยงกับเต๋า จักรวาล เอกภพ สนามรวม พระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์

จักระที่สอดประสาน

ผมได้เรียนรู้ว่าทุกจักระมีคลื่นความถี่ของตัวเอง เมื่อจักระต่าง ๆ ทำงานสอดประสาน พลังชีวิตเราจากจักระรากก็จะส่งพลังงานขึ้นมายังจักระต่อ ๆ ไป เมื่อพลังงานเราก็จะเคลื่อนไปทิศทางเดียวกัน คำพูด ความรู้สึก ความคิดก็จะสอดประสานกัน ทำให้เจตนาเราชัดเจน ไม่สับสน ผู้คนรอบข้างก็จะคาดหวังและเดาเจตนาเราได้ง่าย ในสภาวะนั้น นอกจากการกระทำเราจะชัดเจนแล้ว สภาวะนั้นก็ยังมีพลังในการฟื้นฟูเยียวยาทั้งตัวเราเองและผู้คนรอบข้างด้วย

ซาเทียร์

ในจิตวิทยาของ Virginia Satir จะมีสภาวะที่จักระทั้งหมดสอดประสานกันทำให้เราอยู่ในสมดุล เรียกสภาวะนั้นว่า congruent

และในโมเดลจิตวิทยานี้จะมีส่วนที่เรียกว่าภูเขาน้ำแข็งที่อธิบายจังหวะที่เราเสียสมดุลได้ดี เวลาที่ความต้องการของเราไม่ได้รับการตอบสนอง เราจะอึดอัด ปั่นป่วน ช่วงนั้นผมจะพยายามทำงานกับตัวเอง พยายามค้น ‘ลึกลงไป’ ลงไปหาความรู้สึก (จักระที่ 4 และ 3) และลึกลงไปหาความต้องการ (จักระที่ 2) และลึกลงไปหาพลังชีวิต (จักระที่ 1) เพื่อนำความสมดุลกลับมา

ขั้นความต้องการของ Maslow

ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ขั้นความต้องการของ Maslow มันเรียงจากล่างขึ้นบนเหมือนจักระ ผมเห็นความเชื่อมโยงของความต้องการพื้นฐานและความปลอดภัยกับจักระที่ 1 ทางสังคมกับจักระ 2–3 การเติมเต็มคุณค่าในตัวเองกับจักระที่ 3–5 และการเติมเต็มความหมายของชีวิตกับจักระที่ 6–8

Internal Family System

ในหลักจิตวิทยา Internal Family System ของ Richard Schwartz เราจะมีบางช่วงเวลาที่เราอยู่ในแก่นแท้ (Self) สังเกตได้จากคุณสมบัติ 8 ประการคือ ความใส่ใจใคร่รู้, ความสงบ, ความกระจ่าง/ชัดเจน, ความกล้าหาญ, ความเชื่อมโยงต่อสรรพสิ่ง, ความมั่นใจ, ความคิดสร้างสรรค์

ผมอดคิดไม่ได้ว่า ช่วงเวลาที่เราอยู่ในแก่นแท้ คือช่วงเวลาที่จักระทั้ง 8 เรียงกัน พลังชีวิตก็เลยไหลเวียนได้ครบทุกจักระและแสดงคุณสมบัติต่าง ๆ ออกมา

Chiropractor

ตอนผมหาหมอจัดกระดูก (Chiropractor) ซึ่งเป็นการดูแลกระดูกส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะกระดูกสันหลังด้วยการกดหรือดันเข้าที่ เวลาข้อกระดูกติดขัด ขอบเขตการเคลื่อนไหวก็จะลดลง กล้ามเนื้อด้านนึงจะเกร็งค้าง ขณะที่อีกด้านโดนยืดตลอดเวลา และถ้ามันติดขัดที่ข้อไหน ระบบประสาทที่อยู่ตำแหน่งนั้นก็มักจะทำงานผิดปรกติ ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนตามไปด้วย เช่น ท้องผูก เบื่ออาหาร นอนไม่ค่อยหลับ เป็นต้น

เมื่อกล้ามเนื้อเราหดเกร็งค้าง มันก็จะเหมือนกดปุ่มให้ระบบประสาทปล่อยฮอร์โมนบางอย่างตลอดเวลา ในขณะที่บางระบบของเราก็จะถูกใช้งานหนักเกิน และบางระบบก็จะอ่อนแอเพราะไม่ถูกใช้เลย ร่างกายก็จะเสียสมดุลย์ไป ปล่อยไว้นาน ๆ ก็จะเจ็บป่วยได้

เมื่อร่างกายติดขัด ปราณก็ไหลไม่สะดวก พลังชีวิตจากจักระด้านล่างก็ไหลไม่ถึงฐานบน ๆ เมื่อเราเจ็บป่วย อารมณ์เราก็ไม่ดี ความคิดในหัวก็ไม่สร้างสรรค์

Heguru

เฮกุรุเป็นหลักสูตรสร้างอัจฉริยภาพให้กับเด็ก ๆ โดยจะเริ่มเรียนตั้งแต่ 6 เดือน เจตนาเบื้องต้นคือการกระตุ้นสมองซีกขวาให้พัฒนาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนเด็กจะเข้าไปกระตุ้นสมองซีกซ้ายในโรงเรียน ด้วยความหวังว่าถ้าทั้งสองซีกถูกพัฒนาพอ ๆ กัน ความสมดุลย์จะทำให้ทั้งสองทำงานร่วมกันได้ดีกว่าผมที่ถูกพัฒนาด้านซ้ายเป็นหลักจากการศึกษาในระบบ

เจตนาเบื้องลึกของเฮกุรุคือเปิดประตูระหว่างจิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกเพื่อจะฝึกทักษะการอ่านคลื่นหรือรับรู้ข้อมูลจากบรรยากาศ (จักระที่ 6–7) เพื่อให้สมองส่วนวิเคราะห์ประมวลผลโดยควบรวมข้อมูลที่ระบบประสาททั่วร่างกายส่งสัญญาณมาให้

เจตนาสูงสุดคือเปิดประตูสู่อัจฉริยภาพในจักรวาล ฝึกเสาอากาศในการเข้าถึงพลังจักรวาล (จักระที่ 8) และดึงศักยภาพเหล่านั้นมาใช้ ที่เฮกุรุไม่สอนสิ่งนี้กับผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่มีเส้นแบ่งระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกหนาแล้ว เช่นเดียวกับเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและความเป็นไปได้ และกรอบเหล่านี้ทำให้ผู้ใหญ่เข้าถึงทักษะเหล่านี้ได้ยากกว่า

เต๋า

ตอนเรียน เต๋าเต๋อจิง ผมเข้าใจว่านักปราชญ์จะพยายามเชื่อมโยงกับเต๋า (มหาสมุทรแห่งพลังงานในจักรวาล) ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ ต้องเคลื่อนพลังชีวิตจากจักระที่ 1 ขึ้นมาให้ถึง 8 เพื่อเปิดประตูรับรู้เจตจำนงของจักรวาล ในสภาวะนั้น ตัวตนเราจะบางลง เหลือแค่รูปแบบชั่วคราวแบบหนึ่งของมวลพลังงาน ซึ่งรูปก็จะเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปตามธรรมชาติ เพื่อให้พลังงานไหลคืนมหาสมุทรเช่นเดิม

ในสภาวะนั้นเราจะมองการณ์ไกลขึ้น เห็นชัดว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติจะยั่งยืน เมื่อเราเห็นกระแสของพลังงานที่เป็นธรรมชาติ เราก็จะยึดติดกับเจตจำนงของตัวเองน้อยลง และคล้อยตามเจตจำนงของจักรวาลมากขึ้น แล้วเราก็พบเจอวิธีสร้างสรรค์โดยไม่ฝืนธรรมชาติ

เมื่อเราไม่ฝืน ใจเราก็ไม่ทุกข์ และเราก็ไม่เผลอคาดหวังให้คนอื่นฝืนตามเราเช่นกัน

Credits

  • ครูณาที่ส่งหนังสือดี ๆ มาให้อ่านครับ ^/\^
  • Arjun Pawar ในบทความ Chakras and Nervous System

อ้างอิง

Chakras and Nervous System: an Introduction
Chakras are energy centers in the body that are described in ancient Hindu and Buddhist texts. Nerve plexuses are physical structures that…
Guide to 12 Chakra System: Meanings, Benefits, Crystals
Discover the meanings of the 0th Earth Star Chakra to the 12th Stellar Gateway Chakra. See how they bring abundance and higher powers into your life.
Internal Family Systems Model - Wikipedia

ถอดรหัสจักระ 4 สไตล์แอดๆ

Read more

Scrum master focus

Scrum master focus

ครั้งแรกที่ผมได้เรียนว่า สกรัมมาสเตอร์ควรแบ่งโฟกัสการโค้ชของตัวเองเป็น 4 เรื่องคือ 1. องค์กร 2. engineering practice 3. product owner 4. ทีม ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนบ้าอะไรจะไปเก่งทั้ง 4 อย่างซึ่งมันใช้ความรู้และทักษะที่แตกต่างกันเหลือเกิ

By Chokchai
Community of Practice (CoP) คืออะไร?

Community of Practice (CoP) คืออะไร?

กาลครั้งหนึ่ง… ชมรม Community of Practice (CoP) เป็นคอนเซปต์ที่ถูกกล่าวถึงใน Large Scale Scrum เทียบง่าย ๆ ก็เหมือนชมรมตอนเราเรียน ม. ปลาย นั่นแหละ ใครสนใจเรื่องอะไร ก็ไปเข้าชมรมนั้น แล้วก็ไปทำกิจกรรมร่วมกันในเรื่องที่เราสนใจ เพื่อฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ บางทีอาจจะมี

By Chokchai